วันพฤหัสบดีที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2553

วันนี้หมิวมีที่เที่ยวที่หนึ่งในญี่ปุ่นที่อยากจะมาแนะนำเพื่อนๆค่ะ

ก่อนที่จะไปถึงที่ญี่ปุ่น ทุกคน คงกำลังคิดน่าค่ะว่าจะไปเที่ยวที่ไหนดี หมิวขอแนะนำภูเขาไฟฟูจิ เลยค่ะ และแค่หมิวพูดชื่อภูเขานี้ทุกคนก้อต้องอ๋อ เพราะที่นี้เป็นภูเขาที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่นเลยน่าค่ะ



ภูเขาฟูจิ เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ราว 3,776 เมตร (12,388 ฟุต) ตั้งอยู่บริเวณจังหวัดชิซึโอะกะ และจังหวัดยะมะนะชิ ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของจังหวัดโตเกียว โดยในวันที่อากาศแจ่มใสสามารถมองเห็นจากโตเกียวได้ ในปัจจุบันภูเขาได้ถูกจัดโดยนักวิทยาศาสตร์อยู่ในลักษณะของภูเขาไฟที่มีโอกาสปะทุต่ำ โดยภูเขาไฟระเบิดครั้งล่าสุดในปี พ.ศ. 2250 (ค.ศ. 1707) ใน ยุคเอโดะ
ภูเขาฟูจิ มีชื่อในภาษาญี่ปุ่นว่า \"ฟุจิซัง" ซึ่งในหนังสือในสมัยก่อนจะถูกเข้าใจผิดเรียกว่า ฟุจิยะมะ (ฟูจิยาม่า) เนื่องจากตัวอักษรคันจิตัวที่ 3 (山) ที่สามารถอ่านได้สองแบบ ทั้ง ยะมะ และ ซัง

เชื่อว่ามีผู้ปีนเขาฟูจี ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 1206 โดยนักบวชท่านหนึ่ง และในช่วงระหว่างนั้นจนถึงยุคเมจิ ภูเขาฟูจิได้ชื่อว่าเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ซึ่งห้ามผู้หญิงขึ้นเขา โดยในปัจจุบันภูเขาฟูจิเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น ภูเขาฟูจิได้เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของญี่ปุ่น ซึ่งจะเห็นได้จากในงานเขียนหรือภาพวาดต่างๆ โดยเฉพาะภาพวาดของ โฮะกุไซ ที่มีให้เห็นในวรรณกรรมญี่ปุ่นและกาพย์กลอนที่สำคัญมากมาย
ภูเขาฟูจิยังเป็นฐานทัพของซามูไรต่างๆมากมายจากยุคอดีต เป็นที่ฝึกฝน ซึ่งในปัจจุบัน ฐานทัพหนึ่งของกองทหารญี่ปุ่นตั้งอยู่บริเวณตีนเขาฟูจิ ภูเขาไฟฟูจิ ได้รับการยกย่องว่าเป็นภูเขาที่สวยขนาดไม่มีภูเขาลูกใดมาเทียบเคียงได้ และทะเลสาบอาชิ ในฮาโกเนะก็เป็นทะเลสาบที่คนนิยมมาบันทึกภาพเก็บไว้บ่อยครั้งที่สุด พื้นที่ส่วนใหญ่ของฟูจิและฮาโกเนะถูกกำหนดให้เป็น อุทยานแห่งชาติ ภูเขาไฟฟูจิ โผล่พ้นผิวมหาสมุทรเป็นรูปกรวยคว่ำได้สัดส่วนงามสง่า ภูเขาไฟฟูจิเป็นดินแดนต้องห้ามของผู้หญิงมาเป็นเวลาหลายร้อยปีแล้ว









โดยวันนี้หมิวจะมีภูเขาไฟฟูจิในฤดูใบไม้ร่วง มาให้ดูน่าค่ะ ว่าฤดูใบไม้ร่วงจะมีความแตกต่างกับฤดูอื่นๆยังไงเนอะ
ในปี2009 ฤดูใบไม้ร่วงสี ดูเหมือนจะน้อยลงในระดับของต่ำและละติจูดทางใต้ของประเทศญี่ปุ่นเกี่ยวกับสัปดาห์ก่อนหน้าในปีก่อนหน้า ต้นไม้ใน โตเกียว และ เกียวโต ได้เริ่มต้นแล้วสี แต่ฤดูกาลสูงสุดของที่นั่นจะไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์หรือสอง รอบโตเกียวสีนี้ดีที่สุดที่ความสูงประมาณ 1,000 เมตรและ ครั้งที่สองฤดูนี้ที่จ่ายให้เข้าชม ภูเขาไฟฟูจิ และ Fuji Five Lakes (Fujigoko)



เมื่อไปเยี่ยม พื้นที่ สองสัปดาห์ที่ผ่านมา ต้นไม้เชอร์รี่อยู่ในความงามสูงสุดฤดูใบไม้ร่วงมี แต่ความสดใสขึ้นด้วยต้นเมเปิ้ลมีเพียงเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลง วันนี้ขณะที่ต้นเชอร์รี่มาแล้วลดลงส่วนใหญ่ของใบ, ต้นเมเปิลมาถึงจุดสูงสุดของพวกเขาให้มองเห็นวิวทิวทัศน์ของสีส้มและสีแดงร่วมกับภูเขาไฟฟูจิและทะเลสาบ


จุดที่ดีที่สุดสำหรับการชมภูเขาไฟฟูจิร่วมกับต้นเมเปิ้ลที่พบตามชายฝั่งทางเหนือของ Lake Kawaguchiko มีถ่ายภาพอื่น ๆ อีกมากมายพยายามรวมทั้งสามองค์ประกอบใบ, ทะเลสาบและภูเขาเป็นภาพที่งดงาม Early เช้าเป็นเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการเข้าชมเมื่อสภาพแสงและการมองเห็นแนวโน้มที่จะดีนัก ต่อมาในระหว่างวัน (ปกติหลังรอบ 9 10:00) เมฆมักจะสร้างรอบภูเขาสุดแม้ในวันที่มีอากาศยุติธรรม

อีกจุดที่ดีสำหรับมุมมองของภูเขาไฟฟูจิเป็น Chureito เจดีย์ในภูเขาทางภาคเหนือของ Fujiyoshida City, 15-20 นาทีจาก Shimo - Yoshida Station ยังมีชื่อเสียงเป็น ซากุระ จุดในช่วงกลางเดือนเมษายน, เจดีย์ล้อมรอบด้วยต้นเชอร์รี่ส่วนใหญ่ที่ต้องมีให้เห็นมากร่วมกับเจดีย์และ Mount Fuji สองสัปดาห์ที่ผ่านมา วันนี้ต้นเชอร์รี่เป็นหมันทั้งหมด แต่จำนวนเล็กน้อยของเมเปิลและต้นไม้ ginko ตามทางขึ้นไปเจดีย์ที่ไม่ให้สีบางแต่

คาดว่า Fuji Five Lake ภูมิภาคควรจะมีสีสันและมูลค่าฤดูใบไม้ร่วงใบไม้เยี่ยมสำหรับอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์ที่ ตอนเย็นงานไฟขึ้นต้นในที่จัดขึ้นจนถึง 23 พฤศจิกายน 2009 รอบชายฝั่งทางเหนือของ Lake Kawaguchiko



และวันนี้หมิวจะมาบอกเส้นทางในการไปภูเขาไฟฟูจิน่าค่ะ




โดยรถบัสจากสถานีชินจูกุ :
มีรถ 1-2 เที่ยวต่อชั่วโมงจาก Tokyo 's Shinjuku Station (Keio Bus Terminal ทางด้านตะวันตกของสถานี) เพื่อไปที่ Kawaguchiko Station in Fuji Five Lake Fuji Five Lake และเดินทางโดย Fujikyu และ Keio Bus การเดินทางทางเดียวใช้เวลาเพียงเล็กน้อยใช้เวลาเพียงสองชั่วโมงและค่าใช้จ่าย 1700 เยน
รถโดยสารส่วนใหญ่หยุดที่สถานี Fujiyoshida และ Fujikyu Highland ก่อนเดินทางมาถึง Kawaguchiko Station และมากของพวกเขาแล้วต่อไป Lake Yamanaka (2.5 ชั่วโมง 2000 เยนเดียวจาก Shinjuku)

โดยรถบัสจากสถานีโตเกียว :
เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงตรงจะมี รถที่ ต่อชั่วโมงจาก Tokyo Station (South Exit Yaesu) เพื่อไปที่ Kawaguchiko Station in Fuji Five Lake จะเดินทางโดยรถ Fujikyu และ JR Kanto Bus การเดินทางจะใช้เวลาน้อยกว่าสามชั่วโมงและค่าใช้จ่าย 1700 เยน รถประจำทางจะหยุดที่ Lake Yamanaka เส้นทาง (2.5 ชั่วโมง, 1700 เยน)

โดยรถไฟ :
เดินทางไปตาม JR Chuo Line จาก Tokyo 's Shinjuku station เพื่อไปที่ Otsuki Station (70 นาที, 2700 เยนหรือโดยรถไปโดยตรงใช้เวลา 100 นาที, 1280 เยนโดยรถไฟท้องถิ่นด้วยมักจะเข้าใช้ได้พร้อมกัน) แล้ว Fujikyu Railway Line จาก Otsuki เพื่อไป Kawaguchiko Station in Fuji Five Lake ภูมิภาค (50 นาที, 1110 เยน)

วันอาทิตย์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ก่อนที่จะไปเป็นไกด์ที่ญี่ปุ่นเราก็ต้องรู้จักประวัติศาสตร์ เศรษฐกิจ ฯลฯ แต่วันนี้หมิวจะบอกความเป็นมาของโตเกียวและประวัติศาสตร์น่าค่ะ

โตเกียว (Tokyo)
โตเกียว (「東京都」) หรือ กรุงโตเกียว เป็นเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น มีระบบการปกครองแบบพิเศษซึ่งรวมการปกครองในรูปแบบจังหวัดและเมืองไว้ด้วยกัน และเป็นเขตเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลก (
โดยรวมเขตปริมณฑลแล้วมีประชากรอาศัยอยู่มากกว่า 35 ล้านคน 35,237,000 คน) โดยเฉพาะในตัวโตเกียวใน 23 เขตปกครองพิเศษในโตเกียว แล้วมีประชากรประมาณ 8 ล้านคน ซึ่งเป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในโลกเมืองหนึ่ง ในปี 2548 โตเกียวได้รับการจัดอันดับเมืองที่มีค่าครองชีพสูงที่สุดในโลก โดยในปี 2550 โตเกียวได้เป็นอันดับทีE4 รองจาก มอสโก ลอนดอน และ โซล ตามลำดับโตเกียวตั้งอยู่บริเวณภาคคันโตของญี่ปุ่น คำว่า "โตเกียว" หมายถึง "นครหลวงตะวันออก" ในพื้นที่โตเกียวยังเป็นที่ตั้งของพระราชวังอิมพีเรียล

ชื่อจังหวัด
โตเกียวเคยถูกเรียกว่าเอโดะ ซึ่งแปลว่าปากแม่น้ำ เมื่อกลายเป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่นในปี 1868 ก็ถูกเปลี่ยนชื่อเป็นโตเกียว ซึ่งแปลว่าเมืองหลวงทางตะวันออก (โต (?:ตะวันออก) เกียว (?:เมืองหลวง)) ในตอนต้นยุคเมจิ โตเกียวบางครั้งถูกเรียกว่า โตเก ซึ่งเป็นวิธีอ่านอีกแบบของตัวคันจิในคำว่าโตเกียว แต่ปัจจุบันเลิกใช้แล้ว

ประวัติศาสตร์
ปราสาทเอะโดะ หรือพระราชวังอิมพีเรียลในปัจจุบันโตเกียวแต่เดิมเป็นหมู่บ้านประมงเล็ก ที่ชื่อเอะโดะ ในปีค.ศ. 1457 โอตะ โดกัง สร้างปราสาทเอโดะขึ้น ในปีค.ศ. 1590 โทกุงะวะ อิเอะยะสึตั้งเอะโดะเป็นฐานกำลังของเขาและเมื่อเขากลายเป็นโชกุนในปีค.ศ. 1603 เมืองเอะโดะก็กลาย เป็นศูนย์กลางของรัฐบาลทหารของเขาซึ่งมีอำนาจปกครองทั้งประเทศ ในช่วงเวลาต่อมาในยุคเอะโดะ เมืองเอะโดะก็ขยายตัวขึ้นจนกลายเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดเมืองหนึ่งในโลก โดยมีประชากรมากกว่าหนึ่งล้านคนในคริสตวรรษที่18และเป็นที่ยอมรับว่าเป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่นแม้ว่าองค์จักรพรรดิทรงประทับอยู่ในเกียวโต

หลังจากนั้นประมาณ 263 ปี ระบอบปกครองภายใต้โชกุนถูกล้มล้างโดยการปฏิรูปเมจิ อำนาจการปกครองจึงกลับคืนมาสู่จักรพรรดิอีกครั้ง ในปี
1869 จักรพรรดิเมจิทรงย้ายเมืองหลวงมาที่เอะโดะและเปลี่ยนชื่อเมืองเป็นโตเกียว โตเกียวจึงกลายเป็นศูนย์กลางทางการปกครองและวัฒนธรรมของประเทศ และการที่จักรพรรดิทรงย้ายมาประทับจึงทำให้โตเกียวกลายเป็นเมืองหลวงอย่างเต็มตัว ปราสาทเอะโดะถูกเปลี่ยนเป็นพระราชวัง

ในยุคเมจิ โตเกียวมีการพัฒนาโดยได้รับอิทธิพลจากตะวันตก เช่นการเปิดบริการโทรเลขระหว่างโตเกียวกับโยะโกะฮะมะในปี 1869 และการเปิดบริการรถไฟสายแรกระหว่างชิมบะชิและโยะโกะฮะมะในปี 1872

จรรยาบรรณ เป็นสิ่งที่ไม่ว่าจะอาชีพไหนก็ต้องมีจรรยาบรรณทั้งนั้น ถ้างั้นเรามาดูจรรยาบรรณและข้อสังเกตเมื่อนักท่องเที่ยว

จรรยาบรรณของมัคคุเทศก์

1. จักต้องไม่อธิบายหรือบอกกล่าวเรื่องราวแก่นักท่องเที่ยว อันจะนำมาซึ่งความไม่ถูกต้องเสื่อมเสียแก่ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รวมทั้งภาพพจน์ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย


2. จักต้องรับผิดชอบงานในหน้าที่ของมัคคุเทศก์ ซึ่งจะต้องคำนึงถึงประโยชน์ของนักท่องเที่ยวตามข้อตกลงเกี่ยวกับรายการนำเที่ยวเป็นสำคัญ


3. จักต้องปฏิบัติหน้าที่โดยซื่อสัตย์สุจริต ไม่แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ หรือไม่กระทำการอันใดเพื่อให้นักท่องเที่ยวอยู่ในสภาพที่ต้องปฏิบัติตามโดยไม่สมัครใจ


4. จักต้องไม่ปฏิบัติตนฝ่าฝืนศีลธรรม


5. จักต้องไม่ปฏิบัติตนขัดต่อขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของท้องถิ่นและกฎระเบียบของสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่ง



ข้อสังเกตเมื่อนักท่องเที่ยวใช้บริการมัคคุเทศก์


1. มัคคุเทศก์ต้องมีใบอนุญาตและติดตัวไว้ตลอดเวลา


2. มัคคุเทศก์ที่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวว่าจ้างมาให้บริการต้องนำเที่ยวตรงตามประเภทใบอนุญาตของมัคคุเทศก์


3. จดชื่อ เลขทะเบียนใบอนุญาตไว้ด้วย เพื่อประโยชน์แก่การตรวจสอบภายหลัง


4. มัคคุเทศก์ต้องมีความรู้ ความสามารถ มีมารยาทและบุคลิกภาพที่ดี มีความประพฤติเหมาะสมสอดคล้องกับจรรยาบรรณของมัคคุเทศก์
กรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวใช้มัคคุเทศก์ที่ไม่มีใบอนุญาตหรือใช้มัคคุเทศก์ต่างด้าว หรือพบเห็นผู้ประกอบอาชีพมัคคุเทศก์โดยไม่มีใบอนุญาต กรุณาแจ้งสำนักงานทะเบียนฯ ททท.ทุกแห่ง หรือ กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว โทรศัพท์ 1155


หากท่านประสงค์จะตรวจสอบข้อมูลของผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ก่อนเลือกใช้บริการ สามารถติดต่อได้ที่ สำนักงานทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์กรุงเทพมหานคร การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เลขที่ 1600 ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร 10400 โทร. 0-2250-5500 ต่อ 2405, 2406 โทรสาร. 0-2253-7464 อีเมล์: tbgdep@tat.or.th หรือ สำนักงานทะเบียนฯ ที่ใกล้บ้านท่าน

ท่านเป็นผู้หนึ่งที่จะสามารถช่วยตรวจสอบ และช่วยกันส่งเสริมผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ของประเทศไทยให้ได้มาตรฐานและคุณภาพสมเป็นเมืองท่องเที่ยวขอให้ท่านเดินทางท่องเที่ยวอย่างมีความสุข เดินทางไปและกลับโดยสวัสดิภาพ

โดยทั่วไปก่อนเราจะเป็นไกด์ มักจะมีข้อห้ามต่างๆที่พระราชบัญญัติกำหนดไว้ เราไปดูกันดีกว่าค่ะว่าห้ามอะไรบ้างและมีหน้าที่อะไรบ้างของไกด์

พระราชบัญญัติฉบับนี้โดยทั่วไป จะให้ความสำคัญแก่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวและประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ เป็นอาชีพสงวนสำหรับคนไทยเท่านั้น และป้องกันผู้ประกอบการนำเที่ยวที่ไม่มีคุณภาพและมาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด จึงกำหนดชัดเจนว่า



1.ห้ามจัดนำเที่ยวโดยไม่มีใบอนุญาต หรือประกอบการในระหว่างถูกพักใช้ใบอนุญาต



2.ห้ามทำหน้าที่มัคคุเทศก์โดยไม่มีใบอนุญาต หรือปฏิบัติงานระหว่างถูกพักใช้ใบอนุญาต


3.จะต้องไม่ปฏิบัติผิดกฎเกณฑ์อื่น ๆ ที่วางไว้ เช่นจ้างมัคคุเทศก์ไม่ตรงประเภท, เป็นมัคคุเทศก์แต่ไม่ติดบัตรขณะปฏิบัติหน้าที่, แต่งกายไม่สุภาพประพฤติผิดจรรยาบรรณ อื่น ๆ



4.ใบอนุญาตของผู้ประกอบการนำเที่ยวต้องแสดงไว้ในที่เปิดเผย ให้บุคคลทั่วไปเห็นได้ชัด




หน้าที่ของมัคคุเทศก์



1. มัคคุเทศก์ต้องไม่กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดอันจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียชื่อเสียงเกียรติยศ และจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ



2. มัคคุเทศก์ต้องแต่งกายสุภาพและเหมาะสมกับสถานที่



3. มัคคุเทศก์ต้องติดเครื่องหมายแสดงการเป็นมัคคุเทศก์ ซึ่งได้รับใบอนุญาตและติดใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ไว้ที่อกเสื้อ เว้นแต่จะอยู่ในสภาพที่ไม่อาจจะปฏิบัติเช่นนั้นได้



4. มัคคุเทศก์ต้องไม่บรรยาย อธิบาย หรือบอกกล่าวเรื่องราวที่ไม่ถูกต้องแก่นักท่องเที่ยวอันจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียแก่ประเทศชาติ และอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทย



5. มัคคุเทศก์ต้องไม่กระทำการใด นอกเหนือความตกลงที่มีอยู่กับผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวหรือนักท่องเที่ยว ในกรณีที่มัคคุเทศก์ได้กระทำการใดตามความประสงค์ของนักท่องเที่ยว และการนั้นอยู่นอกเหนือจากที่ตกลงไว้กับผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว มัคคุเทศก์ต้องแจ้งให้ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวทราบภายในเวลาอันควร

ประเภทบัตรของมัคคุเทศก์

มัคคุเทศก์ หมายความว่า ผู้ที่นำนักท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่าง ๆ และให้ความรู้แก่นักท่องเที่ยวเกี่ยวกับสถานที่หรือบุคคลโดยได้รับค่าตอบแทน
มัคคุเทศก์แบ่งเป็น 2 ประเภทคือ
มัคคุเทศก์ทั่วไป มี 2 ชนิด คือ



1. มัคคุเทศก์ทั่วไป ( ต่างประเทศ ) บัตรสีบรอนซ์เงิน นำเที่ยวให้แก่นักท่องเที่ยวชาวไทยหรือชาวต่างประเทศ สามารถนำเที่ยวได้ทั่วราชอาณาจักร


2. มัคคุเทศก์ทั่วไป ( ไทย ) บัตรสีบรอนซ์ทอง นำเที่ยวได้เฉพาะนักท่องเที่ยวชาวไทย สามารถนำเที่ยวได้ทั่วราชอาณาจักร

มัคคุเทศก์เฉพาะ มี 8 ชนิด คือ



1. มัคคุเทศก์เฉพาะ (ต่างประเทศ เฉพาะพื้นที่) บัตรสีชมพู นำเที่ยวให้แก่นักท่องเที่ยวชาวไทยหรือชาวต่างประเทศเฉพาะจังหวัดที่ระบุไว้บนบัตรและจังหวัดที่มีพื้นที่ติดต่อ


2. มัคคุเทศก์เฉพาะ (ไทย เฉพาะพื้นที่) บัตรสีฟ้า นำเที่ยวเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวไทย เฉพาะจังหวัดที่ระบุไว้บนบัตรและจังหวัดที่มีพื้นที่ติดต่อ


3. มัคคุเทศก์เฉพาะ (เดินป่า) บัตรสีเขียว นำเที่ยวให้แก่นักท่องเที่ยวชาวไทยหรือชาวต่างประเทศในเขตพื้นที่ป่า


4. มัคคุเทศก์เฉพาะ (ศิลปวัฒนธรรม) บัตรสีแดง นำเที่ยวให้แก่นักท่องเที่ยวชาวไทยหรือชาวต่างประเทศในด้านประวัติศาสตร์โบราณคดี ศิลปวัฒนธรรม วรรณคดีไทยได้ทั่วราชอาณาจักร


5. มัคคุเทศก์เฉพาะ (ทางทะเล) บัตรสีส้ม นำเที่ยวให้แก่นักท่องเที่ยวชาวไทยหรือชาวต่างประเทศในเขตพื้นที่ทางทะเล


6. มัคคุเทศก์เฉพาะ (ทะเลชายฝั่ง) บัตรสีเหลือง นำเที่ยวให้แก่นักท่องเที่ยวชาวไทยหรือชาวต่างประเทศในเขตพื้นที่ทางทะเลหรือเกาะต่างๆ โดยมีระยะห่างจากชายฝั่งถึงสถานที่ท่องเที่ยวได้ไม่เกิน 40 ไมล์ทะเล


7. มัคคุเทศก์เฉพาะ (แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ) บัตรสีม่วง นำเที่ยวให้แก่นักท่องเที่ยวชาวไทยหรือชาวต่างประเทศ เฉพาะภายในแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่ระบุชื่อไว้บนบัตร


8. มัคคุเทศก์เฉพาะ (วัฒนธรรมท้องถิ่น) บัตรสีน้ำตาล นำเที่ยวให้แก่นักท่องเที่ยวชาวไทย หรือชาวต่างประเทศทางด้านวัฒนธรรมท้องถิ่นเกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรม ประเพณี ประวัติศาสตร์ภูมิศาสตร์ โบราณคดี เฉพาะภายในแหล่งท่องเที่ยววัฒนธรรมท้องถิ่นระบุชื่อไว้ในบัตรเท่านั้น

การเป็นมัคคุเทศก์ จะต้องผ่านการอบรมตามหลักสูตรที่ทางราชการกำหนด ซึ่งหลักสูตรแต่ละประเภทของบัตรมัคคุเทศก์จะกำหนดวุฒิการศึกษาไว้ต่าง ๆ กัน แต่คุณสมบัติสำคัญคือ ต้องเป็นคนสัญชาติไทย และ อายุตั้งแต่ 20 ปี ขึ้นไป พูด – อ่าน และเขียนภาษาไทยได้เป็นอย่างดี

โอกาสในการมีงานทำและโอกาสในความก้าวหน้าในอาชีพไกด์



โอกาสในการมีงานทำ
ตั้งแต่ปี 2539 เป็นต้นมา อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย ทำเงินรายได้ให้ประเทศมากที่สุด และในปี2543 จะนำเงินเข้าประเทศได้ประมาณ 3 แสนล้านบาท โดยได้เปิดตลาดเพื่อส่งเสริมการขาย และการท่องเที่ยวของประเทศไทยในต่างประเทศของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้ประกอบการธุรกิจ การท่องเที่ยว ส่วนในประเทศได้เน้นการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว และศักยภาพในทุกด้านของทุกจังหวัด เพื่อส่งเสริม และรองรับคนไทยให้เที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น โดยเน้นทั้ง ประวัติศาสตร์ โบราณสถาน วัฒนธรรม ประเพณีของทุกจังหวัด และทัวร์สิ่งแวดล้อม หรืออีโคทัวริสซึ่ม

แนวโน้มของคนในยุคปัจจุบันเมื่ออยู่ในสังคมใหม่จะแสวงหาวันหยุดที่ใกล้ชิดธรรมชาติ และความเงียบสงบ นักท่องเที่ยวต่างประเทศปัจจุบันจะเลือกเที่ยวในประเทศที่มีการจัดการและรักษา สิ่งแวดล้อม และสภาพทางนิเวศวิทยาที่ดีเท่านั้น อาจจะจัดเป็นทัวร์สุขภาพธรรมชาติบำบัด หรือรูปแบบการอบรมสัมมนาเนื้อหาทางพุทธศาสนา และทำสมาธิ การได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับชาวบ้านเพื่อเรียนรู้ ภูมิปัญญา และวัฒนธรรมท้องถิ่นของชาวบ้านเป็นต้น ซึ่งประเทศไทยมีศักยภาพที่จะจัดเป็นเส้นทางสำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ได้ ดังนั้น บุคคลผู้สนใจประกอบอาชีพนี้สามารถเปิดการให้บริการ โดยสามารถจัดเป็นธุรกิจการท่องเที่ยวแบบเฉพาะกลุ่มของตนเองขึ้นบนเว็บไซต์ออนไลน์เสนอให้ผู้สนใจทั่วโลกเลือกพิจารณารูปแบบการท่องเที่ยวได้
อนึ่ง องค์การท่องเที่ยวโลกได้มีการสนับสนุนกำหนดให้ วันที่ 27 กันยายนของทุกปี เป็นวันท่องเที่ยวโลก โดยมีวัตถุประสงค์ให้ประชาคมโลกตระหนักถึงความสำคัญของการท่องเที่ยวที่มี ต่อวัฒนธรรม การเมือง และเศรษฐกิจของประเทศและโลกโดยรวม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยก็ได้สนับสนุนอุตสาหกรรมนี้เพราะเล็งเห็นถึงความมีศักยภาพในการเป็นประตูไปสู่การท่องเที่ยว อินโดจีน หรือภูมิภาค เข้าสู่ จีน พม่า ลาว เขมร และเวียดนาม ซึ่งนับว่าอาชีพมัคคุเทศก์เป็นอาชีพสำคัญส่วนหนึ่งในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่จะมีส่วนในการพัฒนาอุตสาหกรรมนี้ให้ได้มาตรฐานแล้วเป็น ผู้ส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอีกด้วย เนื่องจากผู้บริโภคหรือนักท่องเที่ยวสนใจที่จะเลือกบริโภค ในประเทศที่อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเท่านั้นโอกาสการมีงานทำเป็นมัคคุเทศก์จึงค่อนข้างมีมากและมีโอกาสความ ก้าวหน้าในอาชีพ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความรอบรู้ ความสามารถ และจรรยาบรรณในวิชาชีพของมัคคุเทศก์

แม้ว่ารัฐบาลจะมีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างไรก็ตาม แต่ถ้าขาดมัคคุเทศก์ที่มีคุณภาพ ก็ไม่สามารถทำให้นโยบายดังกล่าวสัมฤทธิ์ผลได้ จึงได้มีการส่งเสริม และพัฒนาอาชีพนี้ โดย ในปี 2543 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้จัดให้มีรางวัลพิเศษขึ้น คือ "มัคคุเทศก์ไทยดีเด่น” ในงานไทยแลนด์ทัวริสซึ่มอวอร์ด 2000 อันถือว่าเป็นงานยอดเยี่ยมของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ที่กระตุ้นให้ผู้ประกอบธุรกิจ และผู้เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือในการอนุรักษ์ และพัฒนาทรัพยากรการ ท่องเที่ยว ทั้งทางวัฒนธรรมและธรรมชาติ ตลอดจนจัดการบริการให้มีมาตรฐาน


โอกาสความก้าวหน้าในอาชีพ
ความก้าวหน้าในอาชีพนี้ไม่ได้วัดกันที่ตำแหน่ง แต่สามารถวัดได้จากความสามารถทางด้านภาษา ความอดทน ความเป็นมืออาชีพ ดังนั้น ผู้ที่สนใจต้องการประกอบอาชีพนี้สามารถติดต่อได้ที่บริษัท จัดท่องเที่ยว เมื่อมีประสบการณ์ และสร้างเครือข่ายข้อมูลทางด้านการท่องเที่ยวได้มาก และสร้างพันธมิตรทางธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องก็สามารถเปิดบริษัทเองได้ถ้าอยู่ในต่างจังหวัดสามารถ เปิดสำนักงานของตนเองได้แต่จะต้องสำรวจพื้นที่ที่ตนอยู่ และจังหวัดใกล้เคียงว่ามีแหล่งทรัพยากร การท่องเที่ยวที่น่าสนใจ และจัดเป็นรูปแบบการเดินทางได้หรือไม่ จากนั้นก็จัดทำโฮมเพจ เสนอบริการ ขึ้นเว็บไซต์ตรงสู่ผู้สนใจ โดยปรึกษากับบริษัทที่ปรึกษาการทำพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ได้ โดยใช้บ้านเป็นสำนักงาน

คุณสมบัติของผู้ประกอบอาชีพไกด์






ผู้ประกอบอาชีพนี้ ต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้




1. พูดภาษาต่างประเทศได้อย่างน้อย คือ ภาษาอังกฤษ




2. มีความรู้ทั่วไป และเป็นผู้ที่ขวนขวายหาความรู้สม่ำเสมอ




3. รักการเดินทางท่องเที่ยว และงานบริการ ปรับตัวได้ และเป็นนักแก้ไขปัญหาได้ดีใน ทุกสถานการณ์




4. มีความยืดหยุ่น ประนีประนอม และมีลักษณะอบอุ่นโอบอ้อมอารีเป็นที่ไว้วางใจของ ผู้เดินทางร่วมไปด้วย




5. มีความเป็นผู้นำ มีความกล้า มีความรอบคอบและไม่ประมาท




6. มีทัศนะคติดี ร่าเริง มีความเสียสละซื่อสัตย์ ซื่อตรง และอดทน




7. สุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ มีไหวพริบและปฏิภาณดี




8. มีความคิดสร้างสรรค์ มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี




9. เป็นนักสื่อสารที่ดี รักการอธิบาย และการบรรยายความรู้ต่าง ๆ






10. เป็นนักจัดเก็บข้อมูลที่ดี ทั้งข้อมูลการ ท่องเที่ยว ความนิยมของลูกค้า และรายชื่อลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยว






ผู้ที่จะประกอบอาชีพนี้ ควรเตรียมความพร้อมดังต่อไปนี้ : มัคคุเทศก์ท้องถิ่น เป็นผู้ที่มีวุฒิการศึกษาตั้งแต่ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ขึ้นไป หรือเทียบเท่า และได้รับการอบรม เพิ่มเติม เพื่อรับวุฒิบัตรพัฒนาฝีมือแรงงาน (วพร.) เป็นเวลา 320 ชั่วโมง หรือ 40 วัน มัคคุเทศก์ภายในประเทศ และมัคคุเทศก์นำเที่ยวชาวต่างประเทศ เป็นผู้มีพื้นฐานการศึกษาระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 ขึ้นไปต้องเข้ารับการอบรม และมีใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์จากสถาบันที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยให้การรับรอง หรือ มหาวิทยาลัยที่เปิดสอนคณะ หรือสาขาวิชาธุรกิจ การท่องเที่ยว